แผนการจัดการกระบวนการเรียนรู้
รายวิชา
พท 31001 ภาษาไทย ระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย
ภาคเรียนที่
1 ปีการศึกษา 2558
สัปดาห์ที่ 18 เรื่อง การเขียน
ตัวชี้วัด
- พิจารณาข้อเท็จจริงที่พบจากประกาศโฆษณา
- สามารถกรอกแบบฟอร์มต่างๆในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้อง
มาตรฐานการเรียนรู้
1.
รู้และเข้าใจหลักการการเขียนประเภทต่างโดยใช้คำในการเขียนได้ตรง
ความหมายและถูกต้องตามอักขระวิธีและระดับภาษา
2.
สามารถวิพากษ์วิจารณ์และประเมินค่างานเขียนของผู้อื่น
เพื่อนำมาพัฒนางานเขียน
3.
สามารถแต่งคำประพันธ์ประเภทร้อยแก้วและร้อยกรอง
4.
มีมารยาทในการเขียนและนิสัยรักการเขียน
ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
1.สามารถเขียนรายงานได้
2.สามรถออกแบบฟอร์มต่างๆในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้อง
เนื้อหา
|
กิจกรรมการเรียนรู้
|
ระยะเวลา
|
|
บทบาทครู
|
บทบาทผู้เรียน
|
||
1.
การเขียนรายงาน
2.การกรอกแบบฟอร์มต่าง
ๆ
|
ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
1.ครูและนักเรียนสนทนาร่วมกันเกี่ยวกับการเขียน
ขั้นกิจกรรมการเรียนรู้
1.
ครูอธิบายให้ผู้เรียนเรื่องหลักการการเขียนรายงานและการกรอกแบบฟอร์มต่างๆ ดังนี้
1. การเขียนรายงาน
2.การเขียนจดหมายสมัครงาน
โดยให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่มช่วยกันทำและสรุปหัวข้อใบงานที่ครูมอบหมายออกนำเสนอหน้าชั้นเรียน
ขั้นสรุป
1.ครูและนักศึกษาร่วมกันสรุปบทเรียนร่วมกัน
2.นักศึกษาทำแบบฝึกหัด
3.ครูตรวจและเฉลยแบบฝึกหัดให้นักศึกษาทราบ
มอบหมาย
กรต.
1.
ให้ผู้เรียนศึกษาเนื้อหาของนอกเหนือจาก ได้เรียนจากการมาพบกลุ่ม
2. ให้ผู้เรียนศึกษาเนื้อหาจากการเขียนในรูปแบบของนักเขียนที่ชอบ จาก ห้องสมุดประชาชน จากร้านหนังสือแล้วสรุปความจากเรื่องที่อ่านไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร
|
ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
1.
ผู้เรียนร่วมสนทนา โต้ตอบเกี่ยวกับเรื่องหลักการ ความสำคัญ จุดมุ่งหมายของการเขียน
ขั้นกิจกรรมการเรียนรู้
1.ผู้เรียนร่วมกันศึกษาเนื้อหาหลักการเขียนจากใบความรู้ที่ครูแจกให้
2.ผู้เรียนร่วมกันวิเคราะห์เนื้อหา
การเขียน ทำใบงาน
และสรุปรวมกันโดยนำเสนอหน้าชั้นเรียน
ขั้นสรุป
1.ร่วมกันสรุป
2.
ผู้เรียนทำแบบทดสอบ
3.รวมกันเฉลยแบบทดสอบและแก้ไขให้ถูกต้อง
|
3
ชั่วโมง
|
สื่อ/แหล่งเรียนรู้ ใบความรู้ที่ 1
เรื่อง ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการเขียน
ใบความรู้ที่ 2
เรื่อง หลักการเขียนรายงาน
ใบความรู้ที่ 3 เรื่อง การเขียนจดหมายสมัครงาน
การวัดผลประเมินผล
- บันทึกการเรียนรู้
- แบบฝึกหัด
- ใบงาน
ใบงาน
เรื่องการเขียน
1.อธิบาย
ความหมายของการเขียน .............................................................................................................
.................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
2.อธิบายความหมายของการสื่อสาร คือ ......................................................................................................
...................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
3.อธิบายลักษณะการเขียนโดยทั่วไป.........................................................................................................
...................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
แบบทดสอบ
เรื่องการเขียน
จงเติมคำลงในช่องว่างถูกต้อง
1.รายงานเชิงวิชาการ
หมายถึง…………………………………………………………………………………………………........
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
2.จดหมายธุรกิจ
คือ ....................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
3.จดหมายธุรกิจการค้า
คือ .................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
แนวเฉลย
1.เรื่องราวที่เรียบเรียงขึ้นใหม่
จากการศึกษาค้นคว้าข้อมูลอย่างละเอียด และเขียนเรียบเรียงขึ้นไว้อย่างมีระบบระเบียบแบบแผนตามสากลนิยม
โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้อ่านทราบว่า ทำอะไร ทำอย่างไร ทำไมจึงต้องทำ มีแนวความคิด
หลักการและเหตุผลอย่างไร ทำแล้วได้ผลอย่างไร
2.จดหมายที่ใช้ติดต่อเกี่ยวกับธุรกิจการค้า
หรือติดต่อเกี่ยวกับกิจธุระ แบ่งเป็น ๒ ประเภท คือ จดหมายธุรกิจการค้า
และจดหมายสังคมธุรกิจ
3.ใช้ติดต่อเกี่ยวกับเรื่องราวระหว่างเอกชนกับเอกชน
เอกชนกับราชการ หรือประชาชนทั่วไป การเขียนจดหมายธุรกิจการค้าต้องใช้ภาษากระชับ
ชัดเจน ผู้อ่านสามารถเข้าใจและปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้อง
และต้องคำนึงถึงรูปแบบและการใช้ภาษาด้วย
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการเขียนรายงาน
มนุษย์ทุกคนที่ดำรงชีวิตอยู่ในสังคม ต้องมีการติดต่อสื่อสารซึ่งกันและกัน เพื่อการพัฒนา สังคมให้มีความเจริญก้าวหน้า การติดต่อของมนุษย์มีอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่เกิดจนตาย ทั้งนี้มนุษย์ ได้พัฒนาการติดต่อสื่อสารระหว่างกันในหลายๆ รูปแบบ เช่น ภาษาพูด ภาษาใบ้ ภาษาเขียน เป็นต้น
การเกิดภาษาดังกล่าวจึงจะเป็นความพยายามของมนุษย์ที่จะเอาชนะอุปสรรคต่างๆ ในการสื่อสารการติดต่อสื่อสารจึงเป็นเรื่องของความเข้าใจข้อความ สามารถถอดรหัสให้เป็นความเข้าใจที่ตรงกันกับผู้ที่ส่งข้อความมา การติดต่อสื่อสารของคนแต่ละกลุ่มก็จะใช้รหัสติดต่อที่แตกต่างกันออกไปจากเหตุผลดังกล่าวจึงทำให้การเกิดภาษาขึ้นหลายภาในโลก
ความหมายของการสื่อสาร
องค์ประกอบสำคัญยิ่งอย่างหนึ่งในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ คือ การสื่อสาร เพราะ มนุษย์จำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยกันและกันหรือติดต่อทำความเข้าใจกันเพื่อประสิทธิภาพและประสิทธิ ผลของการดำรงชีวิต การสื่อสารเป็นกระบวนการที่มนุษย์จะต้องใช้ในการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น เพื่อยังประโยชน์ต่างๆให้เกิดขึ้น ทั้งแก่ตนเอง ผู้อื่น และสังคม มีผู้กล่าวถึง “การสื่อสาร” ไว้เป็นอัน
มาก อาทิตย์
ปรมะ สตะเวทิน (2537:7) กล่าวว่า “การสื่อสาร คือ กระบวนการของการถ่ายทอดสาร (message) จากบุคคลฝ่ายหนึ่งซึ่งเรียกว่า ผู้ส่งสาร (source) ไปยังบุคคลอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเรียกว่า ผู้รับสาร (receiver) โดยผ่านสื่อ(channel)"
สวนิต ยมาภัย (2536:18) กล่าวว่า "การสื่อสาร หมายถึง การนำเรื่องราวต่างๆที่เป็นข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น หรือความรู้สึก โดยอาศัยเครื่องนำไปโดยวิธีใดวิธีหนึ่งให้ไปถึงจุดหมายปลายทางที่ต้องการ จนทำให้เกิดการกำหนดรู้ความหมายแห่งเรื่องราวนั้นร่วมกันได้”
องค์ประกอบสำคัญยิ่งอย่างหนึ่งในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ คือ การสื่อสาร เพราะ มนุษย์จำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยกันและกันหรือติดต่อทำความเข้าใจกันเพื่อประสิทธิภาพและประสิทธิ ผลของการดำรงชีวิต การสื่อสารเป็นกระบวนการที่มนุษย์จะต้องใช้ในการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น เพื่อยังประโยชน์ต่างๆให้เกิดขึ้น ทั้งแก่ตนเอง ผู้อื่น และสังคม มีผู้กล่าวถึง “การสื่อสาร” ไว้เป็นอัน
มาก อาทิตย์
ปรมะ สตะเวทิน (2537:7) กล่าวว่า “การสื่อสาร คือ กระบวนการของการถ่ายทอดสาร (message) จากบุคคลฝ่ายหนึ่งซึ่งเรียกว่า ผู้ส่งสาร (source) ไปยังบุคคลอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเรียกว่า ผู้รับสาร (receiver) โดยผ่านสื่อ(channel)"
สวนิต ยมาภัย (2536:18) กล่าวว่า "การสื่อสาร หมายถึง การนำเรื่องราวต่างๆที่เป็นข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น หรือความรู้สึก โดยอาศัยเครื่องนำไปโดยวิธีใดวิธีหนึ่งให้ไปถึงจุดหมายปลายทางที่ต้องการ จนทำให้เกิดการกำหนดรู้ความหมายแห่งเรื่องราวนั้นร่วมกันได้”
วิรัช ลภิรัตนกุล (2546 : 159) กล่าวว่ากระบวนการในการส่งผ่านหรือสื่อความหมายระหว่าง บุคคลสังคมมนุษย์เป็นสังคมที่สมาชิกสามารถใช้ความสามารถของตนสื่อความหมายให้ผู้อื่นเข้าใจ
ได้โดยแสดงออกในรูปของความต้องการ ความปรารถนา ความรู้สึกนึกคิด ความรู้ และประสบการณ์
ต่างๆจากบุคคลหนึ่งไปสู่อีกบุคคลหนึ่ง”
การสื่อสาร คือ กระบวนการถ่ายโอนข้อมูลจากผู้หนึ่งไปยังอีกผู้หนึ่งที่ต้องการข้อมูลและเป็น
กระบวนการที่ขจัดสภาวะของความไม่แน่ใจของผู้อ่านไปสู่สภาวะของความแน่ใจ นับว่าการสื่อสาร
ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง (มนี สมรัก, 2542 :1)
ในระบบการศึกษา การสื่อสารเป็นกระบวนการที่สามารถทำให้เกิดการถ่ายทอดข้อมูลจากผู้สอนไปยังผู้เรียน ดังนั้น วัตถุประสงค์ของกรติดต่อสื่อสารจึงเป็นกระบวนการเรียนการสอนที่มีความหมาย 2 ประการดังนี้
1.เพื่อแสดงให้ผู้สอนทราบว่าผู้เรียนมีความรู้
2.เพื่อแบ่งปันความรู้ให้กับเพื่อนร่วมห้อง
หลังจากจบการศึกษาแล้ว ในโลกแห่งงาน ข้อมูลต่างๆ จำเป็นที่จะต้องมีการถ่ายทอดโดยต้องอาศัยทักษะการสื่อสาร การสื่อสารที่เกิดขึ้นและได้อย่างเป็นผลดีก็ต้องขึ้นอยู่กับอาชีพและทักษะของแต่ละคนที่มีพื้นฐาน
ความต้องการที่แตกต่างกัน เช่น วิศวกร นักการตลาด เกษตรกร นักเศรษฐศาสตร์ แพทย์ และพยาบาล เป็นต้น
องค์กรต่างๆ ส่วนใหญ่จะพิจารณาความก้าวหน้าในการทำงานความสามารถที่เป็นอยู่ จากตารางที่ 1.1 เป็นการแสดงคุณค่าต่างๆ ที่บริษัทจะจัดอันดับความสามารถของลูกจ้างในการเขียนและการพูด กับผู้อื่นที่อยู่ในและภายนอกองค์การ ทักษะในการสื่อสารข้อมูลจังเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการติดต่อเพื่อทำให้การประกอบอาชีพประสบผลสำเร็จ และสามารถที่จะแก้ไขปัญหาที่เผชิญอยู่ได้ในระบบการศึกษา การสื่อสารเป็นกระบวนการที่สามารถทำให้เกิดการถ่ายทอดข้อมูลจากผู้สอนไปยังผู้เรียน ดังนั้น วัตถุประสงค์ของกรติดต่อสื่อสารจึงเป็นกระบวนการ
เรียนการสอนที่มีความหมาย 2 ประการดังนี้
1.เพื่อแสดงให้ผู้สอนทราบว่าผู้เรียนมีความรู้
2.เพื่อแบ่งปันความรู้ให้กับเพื่อนร่วมห้อง
หลังจากจบการศึกษาแล้ว ในโลกแห่งงาน ข้อมูลต่างๆ จำเป็นที่จะต้องมีการถ่ายทอดโดยต้องอาศัยทักษะการสื่อสาร การสื่อสารที่เกิดขึ้นและได้อย่างเป็นผลดีก็ต้องขึ้นอยู่กับอาชีพและทักษะของแต่ละคนที่มีพื้นฐาน
ความต้องการที่แตกต่างกัน เช่น วิศวกร นักการตลาด เกษตรกร นักเศรษฐศาสตร์ แพทย์ และพยาบาล เป็นต้น
องค์กรต่างๆ ส่วนใหญ่จะพิจารณาความก้าวหน้าในการทำงานความสามารถที่เป็นอยู่ จากตารางที่ 1.1 เป็นการแสดงคุณค่าต่างๆ ที่บริษัทจะจัดอันดับความสามารถของลูกจ้างในการเขียนและการพูด กับผู้อื่นที่อยู่ในและภายนอกองค์การ ทักษะในการสื่อสารข้อมูลจังเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการติดต่อเพื่อทำให้การ
ประกอบอาชีพประสบผลสำเร็จ และสามารถที่จะแก้ไขปัญหาที่เผชิญอยู่ได้
ได้โดยแสดงออกในรูปของความต้องการ ความปรารถนา ความรู้สึกนึกคิด ความรู้ และประสบการณ์
ต่างๆจากบุคคลหนึ่งไปสู่อีกบุคคลหนึ่ง”
การสื่อสาร คือ กระบวนการถ่ายโอนข้อมูลจากผู้หนึ่งไปยังอีกผู้หนึ่งที่ต้องการข้อมูลและเป็น
กระบวนการที่ขจัดสภาวะของความไม่แน่ใจของผู้อ่านไปสู่สภาวะของความแน่ใจ นับว่าการสื่อสาร
ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง (มนี สมรัก, 2542 :1)
ในระบบการศึกษา การสื่อสารเป็นกระบวนการที่สามารถทำให้เกิดการถ่ายทอดข้อมูลจากผู้สอนไปยังผู้เรียน ดังนั้น วัตถุประสงค์ของกรติดต่อสื่อสารจึงเป็นกระบวนการเรียนการสอนที่มีความหมาย 2 ประการดังนี้
1.เพื่อแสดงให้ผู้สอนทราบว่าผู้เรียนมีความรู้
2.เพื่อแบ่งปันความรู้ให้กับเพื่อนร่วมห้อง
หลังจากจบการศึกษาแล้ว ในโลกแห่งงาน ข้อมูลต่างๆ จำเป็นที่จะต้องมีการถ่ายทอดโดยต้องอาศัยทักษะการสื่อสาร การสื่อสารที่เกิดขึ้นและได้อย่างเป็นผลดีก็ต้องขึ้นอยู่กับอาชีพและทักษะของแต่ละคนที่มีพื้นฐาน
ความต้องการที่แตกต่างกัน เช่น วิศวกร นักการตลาด เกษตรกร นักเศรษฐศาสตร์ แพทย์ และพยาบาล เป็นต้น
องค์กรต่างๆ ส่วนใหญ่จะพิจารณาความก้าวหน้าในการทำงานความสามารถที่เป็นอยู่ จากตารางที่ 1.1 เป็นการแสดงคุณค่าต่างๆ ที่บริษัทจะจัดอันดับความสามารถของลูกจ้างในการเขียนและการพูด กับผู้อื่นที่อยู่ในและภายนอกองค์การ ทักษะในการสื่อสารข้อมูลจังเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการติดต่อเพื่อทำให้การประกอบอาชีพประสบผลสำเร็จ และสามารถที่จะแก้ไขปัญหาที่เผชิญอยู่ได้ในระบบการศึกษา การสื่อสารเป็นกระบวนการที่สามารถทำให้เกิดการถ่ายทอดข้อมูลจากผู้สอนไปยังผู้เรียน ดังนั้น วัตถุประสงค์ของกรติดต่อสื่อสารจึงเป็นกระบวนการ
เรียนการสอนที่มีความหมาย 2 ประการดังนี้
1.เพื่อแสดงให้ผู้สอนทราบว่าผู้เรียนมีความรู้
2.เพื่อแบ่งปันความรู้ให้กับเพื่อนร่วมห้อง
หลังจากจบการศึกษาแล้ว ในโลกแห่งงาน ข้อมูลต่างๆ จำเป็นที่จะต้องมีการถ่ายทอดโดยต้องอาศัยทักษะการสื่อสาร การสื่อสารที่เกิดขึ้นและได้อย่างเป็นผลดีก็ต้องขึ้นอยู่กับอาชีพและทักษะของแต่ละคนที่มีพื้นฐาน
ความต้องการที่แตกต่างกัน เช่น วิศวกร นักการตลาด เกษตรกร นักเศรษฐศาสตร์ แพทย์ และพยาบาล เป็นต้น
องค์กรต่างๆ ส่วนใหญ่จะพิจารณาความก้าวหน้าในการทำงานความสามารถที่เป็นอยู่ จากตารางที่ 1.1 เป็นการแสดงคุณค่าต่างๆ ที่บริษัทจะจัดอันดับความสามารถของลูกจ้างในการเขียนและการพูด กับผู้อื่นที่อยู่ในและภายนอกองค์การ ทักษะในการสื่อสารข้อมูลจังเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการติดต่อเพื่อทำให้การ
ประกอบอาชีพประสบผลสำเร็จ และสามารถที่จะแก้ไขปัญหาที่เผชิญอยู่ได้
หลักการเขียนรายงาน
การเขียนรายงานเป็นศาสตร์อย่างหนึ่งที่มีการนำมาใช้ตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ การเขียนในสมัยโบราณส่วนมากเป็นการบันทึกเหตุการณ์เรื่องราวต่างๆ
เพื่อให้ชนชั้นหลังได้รับรู้ นับเป็นการถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นมาจากบรรพบุรุษไปสู่ลูกหลาน
ซึ่งยังประโยชน์ในการสามารถปรับปรุงการดำรงชีวิตอย่างต่อเนื่องพร้อมกับความเจริญก้าวหน้าตามลำดับ
ประวัติการเขียนรายงาน
จากข้อมูลเขียนรายงานและการบันทึกพบว่า เมื่อ 6,000ปีที่ผ่านมามนุษย์เริ่มรู้จักการเขียนโดยมีหลักฐานค้นพบได้แก่ การค้นพบแผ่นจารึกดิน ม้วนการะดาษที่ทำมาจากต้นกกหรือหนังสัตว์ การบันทึกเรื่องราวระหว่างการเดินทางเพื่อการติดต่อค้าขาย การทำการเกษตร การขนส่ง และการเดินเรือ นอกจากนี้ยังมีข้อมูลทางคณิตศาสตร์ การคำนวณทางโหราศาสตร์ ซึ่งมนุษย์มีการบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลสมัยกรีกโบราณ ที่ได้ทำให้ทราบถึงรายละเอียดทางการแพทย์ สถาปัตยกรรม หรือแม้กระทั่งอาวุธที่ใช้ในสมัยโบราณ จากเอกสารกรีก โบราณระบุว่าชาวกรีกเป็นผู้มีความรู้ความชำนาญในด้านการแพทย์ การก่อสร้าง สถาปัตยกรรม สัตวแพทย์รวมถึงการใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ (บุญธรรม กิจปรีดาบริสุทธ์, 2532 : 17-19)
ต่อมาในระหว่างกลางศตวรรษที่14 มีการนำการการเขียนมาใช้เพื่อการบันทึก ในการเดินทางทางเรือและวิธีใช้ อุปกรณ์ การคำนวณทิศทางของดวงดาว ซึ่งการเขียนศตวรรษนี้นับว่าสำคัญต่อการใช้เทคนิคการเขียนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะอย่าง อีกทั้งยังเป็นการรวบรวมข้อมูลและการถ่ายทอดให้ชนรุ่นหลังได้รับทราบ
ในระหว่างการฟื้นฟูศิลปะวิทยาในทวีปยุโรป การสืบสวนทางวิทยาศาสตร์ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก เอกสารจำนวนมากได้ถูกเขียนเป็นรายงาน เช่น การบันทึกเรื่องราวของ ลีโอนาโด ดา วินซี่ ที่ได้เขียนเรื่องราวของกายวิภาค และนิโคลัส คอเปอร์นิคัส ได้เขียนเรื่องระบบศูนย์กลางของดวงอาทิตย์
จากนั้นจึงมาถึงยุคการเปลี่ยนแปลงทางวิทยาศาสตร์ การเขียนได้พัฒนาไปตามวันและเวลาจนถึงปัจจุบัน ข้อมูลที่เป็นด้านเทคนิคยิ่งเพิ่มขึ้น และข้อมูลเหล่านี้ยังได้ถูกนำมาเป็นหลักฐานอ้างอิงในการรายงาน ซึ่งนับเป็นมรดกอันหาค่ามิได้ในปัจจุบัน
จากข้อมูลเขียนรายงานและการบันทึกพบว่า เมื่อ 6,000ปีที่ผ่านมามนุษย์เริ่มรู้จักการเขียนโดยมีหลักฐานค้นพบได้แก่ การค้นพบแผ่นจารึกดิน ม้วนการะดาษที่ทำมาจากต้นกกหรือหนังสัตว์ การบันทึกเรื่องราวระหว่างการเดินทางเพื่อการติดต่อค้าขาย การทำการเกษตร การขนส่ง และการเดินเรือ นอกจากนี้ยังมีข้อมูลทางคณิตศาสตร์ การคำนวณทางโหราศาสตร์ ซึ่งมนุษย์มีการบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลสมัยกรีกโบราณ ที่ได้ทำให้ทราบถึงรายละเอียดทางการแพทย์ สถาปัตยกรรม หรือแม้กระทั่งอาวุธที่ใช้ในสมัยโบราณ จากเอกสารกรีก โบราณระบุว่าชาวกรีกเป็นผู้มีความรู้ความชำนาญในด้านการแพทย์ การก่อสร้าง สถาปัตยกรรม สัตวแพทย์รวมถึงการใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ (บุญธรรม กิจปรีดาบริสุทธ์, 2532 : 17-19)
ต่อมาในระหว่างกลางศตวรรษที่14 มีการนำการการเขียนมาใช้เพื่อการบันทึก ในการเดินทางทางเรือและวิธีใช้ อุปกรณ์ การคำนวณทิศทางของดวงดาว ซึ่งการเขียนศตวรรษนี้นับว่าสำคัญต่อการใช้เทคนิคการเขียนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะอย่าง อีกทั้งยังเป็นการรวบรวมข้อมูลและการถ่ายทอดให้ชนรุ่นหลังได้รับทราบ
ในระหว่างการฟื้นฟูศิลปะวิทยาในทวีปยุโรป การสืบสวนทางวิทยาศาสตร์ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก เอกสารจำนวนมากได้ถูกเขียนเป็นรายงาน เช่น การบันทึกเรื่องราวของ ลีโอนาโด ดา วินซี่ ที่ได้เขียนเรื่องราวของกายวิภาค และนิโคลัส คอเปอร์นิคัส ได้เขียนเรื่องระบบศูนย์กลางของดวงอาทิตย์
จากนั้นจึงมาถึงยุคการเปลี่ยนแปลงทางวิทยาศาสตร์ การเขียนได้พัฒนาไปตามวันและเวลาจนถึงปัจจุบัน ข้อมูลที่เป็นด้านเทคนิคยิ่งเพิ่มขึ้น และข้อมูลเหล่านี้ยังได้ถูกนำมาเป็นหลักฐานอ้างอิงในการรายงาน ซึ่งนับเป็นมรดกอันหาค่ามิได้ในปัจจุบัน
ความหมายของรายงาน
รายงานเชิงวิชาการ หมายถึง เรื่องราวที่เรียบเรียงขึ้นใหม่ จากการศึกษาค้นคว้าข้อมูลอย่างละเอียด และเขียนเรียบเรียงขึ้นไว้อย่างมีระบบระเบียบแบบแผนตามสากลนิยม โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้อ่านทราบว่า ทำอะไร ทำอย่างไร ทำไมจึงต้องทำ มีแนวความหมายของรายงาน รายงานเชิงวิชาการ หมายถึง เรื่องราวที่เรียบเรียงขึ้นใหม่ จากการศึกษาค้นคว้าข้อมูลอย่างละเอียด และเขียนเรียบเรียงขึ้นไว้อย่างมีระบบระเบียบแบบแผนตามสากลนิยม โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้อ่านทราบว่า ทำอะไร ทำอย่างไร ทำไมจึงต้องทำ มีแนวความคิด หลักการและเหตุผลอย่างไร ทำแล้วได้ผลอย่างไร (บุญธรรม กิจปรีดาบริสุทธิ์, 2532 : 13)
ประเภทและรูปแบบการเขียน
การเขียนใดๆ ย่อมต้องมีการกำหนดรูปแบบของการเขียน ดังนั้นรูปแบบของการเขียนจึงต้องขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันไป
1. ประเภทของการเขียน
ประเภทของการเขียนมี 2 ประเภท ดังนี้
1.1 การเขียนทั่วไป ได้แก่ การเขียนเป็นสารคดี และบันเทิงคดี
1.2 การเขียนทางเทคนิค ได้แก่ การเขียนที่มีลักษณะสื่อสารที่ต้องอยู่ในของเขตทาง
วิชาการ เช่น การเขียนทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การเขียนทางวิศวกรรม และการเขียนทางธุรกิจ
การเขียนใดๆ ย่อมต้องมีการกำหนดรูปแบบของการเขียน ดังนั้นรูปแบบของการเขียนจึงต้องขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันไป
1. ประเภทของการเขียน
ประเภทของการเขียนมี 2 ประเภท ดังนี้
1.1 การเขียนทั่วไป ได้แก่ การเขียนเป็นสารคดี และบันเทิงคดี
1.2 การเขียนทางเทคนิค ได้แก่ การเขียนที่มีลักษณะสื่อสารที่ต้องอยู่ในของเขตทาง
วิชาการ เช่น การเขียนทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การเขียนทางวิศวกรรม และการเขียนทางธุรกิจ
2. รูปแบบของการเขียน
จากการเขียนทั้ง 2 ประเภทดังกล่าวแล้ว การเขียนยังสามารถจะจำแนกรูปแบบได้
เป็น 2 รูปแบบ ดังนี้
2.1 การเขียนที่เป็นแบบแผน ได้แก่ การเขียนรายงาน การเขียนเรียงความ การเขียนบทความ การทำรายงานการประชุม การเขียนจดหมายการเขียนย่อความ
2.2 การเขียนที่ไม่เป็นแบบแผน ได้แก่ การทำบันทึกส่วนตัว การแนะนำหนังสือ การเขียนเรื่องสั้น การเขียนสารคดี การเขียนบันเทิงคดี และการเขียนโฆษณา
เป็นเอกสารที่มีเนื้อหาครอบคลุมในหลายด้าน ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของรายงานที่ต้องประมวลเพื่อนำเสนอเรื่องราวที่มีเนื้อหาต่อเนื่องตามลำดับ ปัจจุบันการเขียนรายงาน มีการพัฒนาเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ในยุคโลกาภิวัตน์ โดยเฉพาะทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมหรือธุรกิจซึ่งมีการแข่งขันกันทุกขณะ ดังนั้นรายงานจึงเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ช่วยในการตัดสินใจการลงทุนการดำเนินนโยบาย หรือการดำเนินกิจการ ด้วยเหตุผลดังกล่าว การเขียนรายงานจึงแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือการเขียนรายงานทั่วไป และการเขียนรายงานเชิงวิชาการที่ประกอบด้วยรายงานการศึกษาค้นคว้า รายงานการวิจัย โครงการเชิงวิชาการ
จากการเขียนทั้ง 2 ประเภทดังกล่าวแล้ว การเขียนยังสามารถจะจำแนกรูปแบบได้
เป็น 2 รูปแบบ ดังนี้
2.1 การเขียนที่เป็นแบบแผน ได้แก่ การเขียนรายงาน การเขียนเรียงความ การเขียนบทความ การทำรายงานการประชุม การเขียนจดหมายการเขียนย่อความ
2.2 การเขียนที่ไม่เป็นแบบแผน ได้แก่ การทำบันทึกส่วนตัว การแนะนำหนังสือ การเขียนเรื่องสั้น การเขียนสารคดี การเขียนบันเทิงคดี และการเขียนโฆษณา
เป็นเอกสารที่มีเนื้อหาครอบคลุมในหลายด้าน ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของรายงานที่ต้องประมวลเพื่อนำเสนอเรื่องราวที่มีเนื้อหาต่อเนื่องตามลำดับ ปัจจุบันการเขียนรายงาน มีการพัฒนาเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ในยุคโลกาภิวัตน์ โดยเฉพาะทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมหรือธุรกิจซึ่งมีการแข่งขันกันทุกขณะ ดังนั้นรายงานจึงเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ช่วยในการตัดสินใจการลงทุนการดำเนินนโยบาย หรือการดำเนินกิจการ ด้วยเหตุผลดังกล่าว การเขียนรายงานจึงแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือการเขียนรายงานทั่วไป และการเขียนรายงานเชิงวิชาการที่ประกอบด้วยรายงานการศึกษาค้นคว้า รายงานการวิจัย โครงการเชิงวิชาการ
จดหมาย
คือ หนังสือที่ใช้ติดต่อสื่อสารแทนวาจา นับว่าเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกและประหยัดค่าใช้จ่าย
สิ่งที่ต้องคำนึงในการเขียนจดหมาย คือ
ต้องใช้ภาษาในการสื่อสารให้ตรงตามวัตถุประสงค์ของผู้เขียน
จดหมายแบ่งออกเป็น ๓ ประเภท คือ
-
จดหมายส่วนตัว
-
จดหมายธุรกิจ
-
จดหมายราชการ
ในเอกสารจะขอกล่าวถึงจดหมายเพียง
๑ ประเภท คือ จดหมายธุรกิจ
จดหมายธุรกิจ
จดหมายธุรกิจ
คือ จดหมายที่ใช้ติดต่อเกี่ยวกับธุรกิจการค้า หรือติดต่อเกี่ยวกับกิจธุระ แบ่งเป็น
๒ ประเภท คือ จดหมายธุรกิจการค้า และจดหมายสังคมธุรกิจ
๑.
จดหมายธุรกิจการค้า
จดหมายธุรกิจการค้า
คือ ใช้ติดต่อเกี่ยวกับเรื่องราวระหว่างเอกชนกับเอกชน เอกชนกับราชการ
หรือประชาชนทั่วไป การเขียนจดหมายธุรกิจการค้าต้องใช้ภาษากระชับ ชัดเจน
ผู้อ่านสามารถเข้าใจและปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้อง
และต้องคำนึงถึงรูปแบบและการใช้ภาษาด้วย
ประเภทของจดหมายธุรกิจการค้า
-
จดหมายโฆษณาสินค้าและบริการ
-
จดหมายสอบถาม
-
จดหมายสั่งซื้อสินค้าและบริการ
-
จดหมายร้องเรียน
๒.
จดหมายสังคมธุรกิจ
จดหมายสังคมธุรกิจ
คือ จดหมายที่ไม่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายสินค้า ได้แก่ จดหมายสมัครงาน
จดหมายแนะนำตัว จดหมายสอบถามการปฏิบัติงาน จดหมายรับรอง จดหมายแสดงความยินดี
จดหมายแสดงความขอบคุณ จดหมายแสดงความเสียใจ และจดหมายเชิญ
ในเอกสารนี้จะขอกล่าวถึงจดหมายสังคมธุรกิจเพียง
๑ ประเภท คือ จดหมายสมัครงาน
จดหมายสมัครงาน
- จดหมายสมัครงาน
เป็นจดหมายที่เปรียบเสมือนตัวแทนของผู้ที่มีความประสงค์จะสมัครงาน
โดยส่งจดหมายสมัครงานไปยังห้างร้านที่เปิดรับสมัคร
- จดหมายสมัครงาน
เป็นจดหมายที่ต้องพิถีพิถันเป็นพิเศษ หากเขียนได้ดี
ตัวผู้เขียนย่อมเป็นที่สนใจของผู้รับพิจารณา และมีโอกาสที่จะได้งานสูง
-
จดหมายสมัครงานประกอบด้วยจดหมายและใบประวัติย่อ
ข้อปฏิบัติในการเขียนจดหมายสมัครงาน
* ผู้เขียนจดหมายสมัครงานต้องไม่ลอกจดหมายของผู้อื่น
แต่อาจใช้เป็นตัวอย่างได้
* ควรใช้กระดาษและซองจดหมายสีขาวมาตรฐาน
* ใช้วิธีการพิมพ์แทนการเขียนด้วยลายมือ
ความยาวไม่เกิน ๑ หน้ากระดาษ ยกเว้นกรณีที่ผู้รับสมัครกำหนดให้เขียนด้วยลายมือ
ไม่ควรมีรอยลบหรือแก้ไข
* ต้องเขียนด้วยภาษาสุภาพถูกต้องตามหลักภาษา
ไม่ควรใช้อักษรย่อถ้าไม่จำเป็น
* ไม่ควรเขียนไปในทำนองขอความช่วยเหลือ
ขอความเห็นใจ โอ้อวดความสามารถจนเกินจริง
* ไม่ควรกล่าวให้ร้ายผู้อื่นในจดหมาย
และไม่เขียนเป็นชีวประวัติตนเอง
*
รูปถ่ายที่ใช้ในการสมัครงานควรเป็นรูปถ่ายปัจจุบัน
ส่วนประกอบของจดหมายสมัครงาน
ส่วนต้น มีรายละเอียด ดังนี้
-
ที่อยู่ของผู้สมัคร
-
วันที่
-
เรื่อง ของสมัครงานในตำแหน่ง
................
-
เรียนผู้จัดการฝ่ายบุคคลบริษัท...............
-
สิ่งที่ส่งมาด้วย
ส่วนเนื้อหา ประกอบด้วย
-
ส่วนนำ
เขียนถึงแหล่งที่มาของการรับสมัครงาน
-
รายละเอียดส่วนตัวและการศึกษาที่ได้รับ
-
ประสบการณ์ กรณีเคยทำงานมาแล้ว
ให้กล่าวถึงตำแหน่ง หน้าที่ ระยะเวลาที่เคยปฏิบัติงาน และสาเหตุที่ต้องลาออก
ถ้าเพิ่งจบการศึกษาควรแจ้งประสบการณ์ในระหว่างการศึกษา
-
ผู้รับรอง หมายถึง
ผู้ที่นายจ้างสามารถสอบถามถึงประวัติ ความรู้ความสามารถ ลักษณะนิสัย ความประพฤติ
ตลอดจนรายละเอียดอื่น ๆ เกี่ยวกับผู้สมัครตามที่นายจ้างต้องการ
-
ส่วนสรุป จดหมายสมัครงาน
ถือเป็นหลักการเดียวกับจดหมายธุรกิจการค้า
ผู้ที่สมัครงานจะเขียนจดหมายสมัครงานไปยังบริษัท เพื่อเสนอขายความสามารถของตน
ดังนั้นข้อสำคัญสุดท้ายต้องเขียนเพื่อยั่วยให้เกิดการกระทำที่ดี เช่น
ให้เรียกตัวมาพบเพื่อสัมภาษณ์ หรือทดลองปฏิบัติงาน
-
ส่วนท้าย
เขียนคำลงท้ายเยื้องไปทางด้านซ้ายหรือด้านขวา ตามแบบฟอร์มที่เลือกใช้
.........................................................
ดำเนินการได้ค่ะ
ตอบลบ